SEO ย่อมาจาก Search Engine Optimization
คือการเพิ่มประสิทธิภาพการค้นหา ผ่านช่องทาง Google โดยส่วนนี้เมื่อคนค้นหาในคำที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจไม่ว่าจะเป็น สถานที่ ร้านค้า หรือหมวดหมู่ หรือเพียงข้อความที่เกี่ยวข้องก็จะทำให้สามารถพบเจอได้ใน Google Search ซึ่งจะช่วยให้ลูกค้า หรือคนที่สนใจเรื่องนั้นๆ พบเจอเว็บไซต์ของธุรกิจได้มากยิ่งขึ้น
ซึ่ง SEO นั้นจะสามารถให้ลูกค้าหรือผู้กำลังใจในเรื่องนั้นๆค้นหาในช่องทางคุณเป็นเจ้าของไม่ว่าจะเป็น Website , Image , Youtube ที่แสดงผลบน Google Search ด้วยการนำ บทความ , ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง , สินค้า, บริการ หรือข้อมูลที่เกี่ยวข้องมาแสดงในช่องทางค้นหา
หากนับย้อนหลังไป 15 ปีที่แล้ว เมื่อเราต้องการค้นหาข้อมูลนั้นๆ หรือ อะไรที่เกี่ยวข้องนั้นๆ เรามักจะต้องเข้าไปที่ห้องสมุด หรือแหล่งสาระสนเทศที่จะทำให้เราสามารถค้นหาข้อมูลได้ หรือหากเวลาเราจะซื้อสินค้าอะไร เราก็มักจะคุ้นเคยจากร้านที่มีการโฆษณาผ่านทางโทรทัศน์ หรือทางวิทยุรวมถึงการ Offline Marketing ต่างๆที่เกิดขึ้น ซึ่งทำให้ข้อมูลนั้นไม่ได้แพร่หลาย มากนัก แต่หากย้อนมา ณ ปัจจุบัน ไม่ว่าเราจะค้นหาอะไร หรือกำลังสนใจ เรื่องอะไร รวมทั้งสินค้าอะไร สิ่งที่คนจะนึกถึงเป็นเรื่องแรกๆคือ การค้นหาข้อมูลผ่าน Google และซึ่งเมื่อค้นหาคำนั้นๆแล้ว หากเว็บไซต์ธุรกิจ ของเว็บไซต์ของเรานั้นแสดงผล ให้คนที่สนใจ หรือลูกค้าในอันดับแรกๆ ก็จะทำให้ลูกค้าเข้าสู่เว็บไซต์ หรือโอกาสการซื้อสินค้าที่มีมากยิ่งขึ้น ซึ่ง SEO จะช่วยทำให้เว็บไซต์ของคุณอยู่ในอันดับต้นๆ หรืออันดับหนึ่งใน Google เพื่อเพิ่มโอกาส ในการเข้าสู่เว็บไซต์และซื้อสินค้า
ไม่ว่าจะธุรกิจจะซื้อโฆษณา หรือทำโฆษณาแบบไหนก็ดี หากเกิดความสนใจ หรือเกิดความต้องการ ลูกค้าของคุณก็จะค้นหาสินค้าประเภทนั้นๆ บน Google เป็นอับดับแรกอยู่ดี
การทำ SEO ช่วยให้ธุรกิจคุณโตขึ้น โดยใช้งบประมาณน้อยลง พร้อมทั้งยังช่วยให้ธุรกิจของคุณติดอันดับในระยะยาวได้อีกด้วย
เริ่มต้นด้วยการสร้างส่วนที่ยังไม่มีให้สมบูรณ์ขึ้น ด้วยบริการ SEO
Organic Search หรือการค้นหาแบบธรรมชาติ โดยที่ไม่ต้องซื้อโฆษณา
เชื่อมโยงข้อมูลผ่าน Link ต่างๆ รวมถึง LInk จากที่เกี่ยวผลิตภัณฑ์ของธุรกิจคุณ
ตรวจสอบคะแนนของเว็บไซต์ และช่วยวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อประสิทธิภาพที่มากขึ้น
ตัวรายงานผล ที่ธุรกิจสามารถดูได้ทุกที่ ทุกเวลา ด้วยข้อมูลแสดงผลด้วยตัวเลข และกราฟ
สร้างโครงสร้าง Sitemap เพื่อเชื่อมต่อข้อมูลกับ Google ให้เข้าถึงข้อมูลโครงสร้างของเว็บไซต์เพื่อเรียนรู้เว็บไซต์และนำไปแสดงผลบนการค้นหา
ไม่เพียงแค่ติดตั้ง SEO แต่ยังเชื่อมโยงกับ SEM (Search Engine Marketing) เพื่อเพิ่มประสิทธิของคำค้นหาเหล่านั้นมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
สรุปผล ประสิทธิภาพเว็บไซต์ และการพัฒนาประจำเดือน ในส่วนของ SEO ในทุกๆ สิ้นเดือน เพื่อให้ธุรกิจ ได้นำมาวิเคราะห์ข้อมูลเพิ่มเติม
ให้คำปรึกษา เกี่ยวกับการอัพเดทข้อมูล หรือประเภทข้อมูลต่างๆ ที่ส่งผลดีกับ SEO อย่างยั่งยืนและมีประสิทธิภาพ
เพราะการมองเห็นสำคัญมากๆ ยิ่งเห็นมาก โอกาสก็ย่อมมีมากกว่า รวมทั้งความน่าเชื่อถือในธุรกิจก็ยิ่งมีเพิ่มขึ้นทวีคูณ
เมื่อติดอันดับที่ดีแล้ว ก็ควรให้ได้ประสิทธิมากขึ้นด้วย Call to Action ที่จะทำให้ลูกค้าของธุรกิจ คุณสนใจมากยิ่งขึ้น และเข้าสู่หน้าที่คุณต้องการ
เมื่อมีการเข้าเว็บไซต์แล้ว จะมีการเชื่อมโยง Tracking เพื่อให้โฆษณา หรือสื่อของ ธุรกิจกระตุ้นลูกค้าอีกใน ช่องทาง Social Media ที่ลูกค้าใช้งาน
ใน 2 อย่างนี้ วัตถุประสงค์เป็นวัตถุประสงค์เดียวกันคือ การทำให้ Keyword หรือ คำศัพท์ หรือข้อความที่กำลังสนใจ หรือต้องการค้นหา ให้สามารถเจอเว็บไซต์ ของธุรกิจนั้นๆ หรือสินค้านั้นๆ เพื่อได้อ่านข้อมูล หรือการซื้อสินค้า หรือบริการ ที่เกิดขึ้นได้อย่างสะดวกมากยิ่งขึ้น ซึ่งข้อแตกต่างคือ SEO เป็นการเน้นการอัพเดทข้อมูลในเว็บไซต์และพัฒนาโครงสร้างเว็บไซต์ รวมถึงการจัดการข้อมูลในเว็บไซต์ เพื่อให้ Google สามารถค้นหาเว็บไซต์ของเราเจอได้ สำหรับ Keyword หรือข้อความนั้นๆ ที่เราต้องการให้ลูกค้า หรือผู้ที่สนใจนั้นค้นหาเจอเรา ซึ่งมักจะใช้เวลาที่นานกว่า และต้องทำความเข้าใจระบบการทำงานของระบบ Google ที่จะเกิดคะแนน และอันดับที่เพิ่มขึ้นใน Google ซึ่งส่วนนี้จำเป็นต้องพัฒนาเว็บไซต์อยู่บ่อยครั้งหรือการอัพเดทข้อมูลอยู่เสมอ แต่มีข้อดีหากติดอันดับ ต้นๆของ Google ก็อันดับที่ตกยากหากมีการอัพเดทข้อมูลอยู่เสมอ และไม่ต้องจ่ายเงินเพื่อซื้อ Keyword เหมือน SEM
SEM หรือย่อมาจาก Search Engine Marketing ส่วนนี้คือความหมายตรงตัวคือการซื้อ Keyword หรือพูดง่ายๆว่า มันคือการโฆษณาบน Google โดยเป็น โฆษณาประเภท Keyword ซึ่งเราต้องดำเนินการเลือก Keyword นั้นๆ และดำเนินการซื้อ Keyword โดยจะเสียค่าบริการตามจำนวนที่มีการคลิกรวมถึงการต้องแข่งขันในเรื่องของราคา และคุณภาพของเว็บไซต์เพื่อให้ Google Search Marketing ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด
ซึ่งหากเปรียบง่ายๆคือ SEO ไม่ต้องจ่ายเงิน แต่ใช้เวลานานกว่า SEM เพียงแค่เชื่อมบัตรเครดิตก็สามารถดำเนินการได้เลย ถ้าเป็นไปตามเงื่อนไขของ Google Adwords ซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายตามแต่ที่งบประมาณที่ตั้งเอาไว้
ใน 1 วินาที มีคนค้นหาด้วย Google ทั้งหมด 63,000 ครั้ง หรือ หนึ่งวันมีคนค้นหาด้วย Google ทั้งหมด 5.6 พันล้านครั้ง หาก ธุรกิจนั้นได้ทำ SEO จะส่งผลให้คนที่ค้นหาในคำที่เกี่ยวข้อง จะพบเจอธุรกิจได้ง่ายยิ่งขึ้น พร้อมทั้งยังสามารถลดค่าใช้จ่าย หากธุรกิจมีการซื้อ Keyword ของ SEM ไปร่วมด้วย ส่งผลให้ค่าโฆษณาลดลง หรือ สามารถนำโฆษณาส่วนของ Keyword นี้ไปใช้ในช่องทางอื่นๆที่มีโอกาสที่มากยิ่งขึ้น
การทำ SEO ใช้เวลาเริ่มต้นอย่างน้อย 3 เดือน ขึ้นไป ซึ่งแล้วแต่ Keyword และความยากง่ายหรือความยอดนิยมของ Keyword ซึ่งหากเป็น Keyword ยอดนิยมสูงจะยิ่งมีโอกาสที่ยากมากยิ่งขึ้นและใช้เวลามากยิ่งขึ้น เนื่องจากคู่แข่งก็ใช้งานเช่นเดียวกัน ซึ่งสิ่งที่สำคัญสำหรับธุรกิจคือการพัฒนาเว็บไซต์ เพื่อให้โครงสร้าง และการพัฒนาเว็บไซต์ เป็นไปตามมาตรฐานและทำให้คะแนนเพิ่มขึ้นใน Google ซึ่งจะส่งผลให้เว็บไซต์มีอันดับที่ดียิ่งขึ้นเมื่อมีการค้นหา
โปรดกรอกข้อมูลของคุณเพื่อให้เราได้เริ่มดำเนินการ ทำแผนนำเสนอเพื่อให้คุณพิจารณาในแผนที่เรานำเสนอไป เพื่อช่วยให้ธุรกิจของคุณ มีไอเดีย ในการวางแผน เรื่อง SEO ให้กับ Website ปัจจุบันของคุณ
Please fill Information About Your Company or Any Requirements for get Proposal from us about Plan & Design Thinking also more iDea about SEO Service.
บริการรับทำ SEO นั้นมีหลากหลายกลยุทธ์ เช่น On-page SEO, Off-page SEO และ Technical SEO ที่มุ่งหวังให้เว็บไซต์ของคุณมีอันดับดีขึ้นในผลการค้นหา การปรับโครงสร้างเว็บไซต์ให้เหมาะสม และการตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนยังเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้การทำ SEO ประสบผลสำเร็จ
ในบทความนี้ เราจะสำรวจความสำคัญของ SEO ในยุคดิจิทัล และวิธีการที่ nConnect ใช้ในการเพิ่มประสิทธิภาพให้กับเว็บไซต์เพื่อสนับสนุนโอกาสทางธุรกิจให้คุณได้เรียนรู้และนำไปปรับใช้ในธุรกิจของตนเอง
ความสำคัญของ SEO ในยุคดิจิทัล
ในยุคที่การแข่งขันในตลาดออนไลน์สูงมาก, SEO (Search Engine Optimization) เป็นเครื่องมือที่สำคัญมากในการทำให้เว็บไซต์ปรากฏให้เห็นในหน้าผลการค้นหาของ Google และ Search Engine อื่นๆ SEO ช่วยเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายของธุรกิจผ่านการค้นหาออร์แกนิกที่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเหมือน Google Ads นอกจากนี้ SEO ยังช่วยให้เว็บไซต์มีความน่าเชื่อถือและสามารถเข้าถึงลูกค้าใหม่ๆ ได้มากขึ้น
การทำ SEO แบ่งออกเป็นสองส่วนหลักๆ คือ On-Page SEO และ Off-Page SEO โดยทั้งสองส่วนนี้จะช่วยให้เนื้อหาและเว็บไซต์เข้ากันได้ดีกับ Algorithm ของ Google ซึ่งจะทำให้ Google Bot สามารถค้นหาและจัดอันดับเนื้อหาในเว็บไซต์ได้อย่างถูกต้อง
หน้าที่ของ SEO Specialist คือทำ Keyword Research เพื่อวางแผนคำที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ และสร้างเนื้อหา (SEO Content) ที่มีคุณภาพตามหลักของ Google E-E-A-T (Expertise, Authoritativeness, Trustworthiness) เพื่อยกระดับความน่าสนใจและผลลัพธ์ทางธุรกิจ
ในสรุป, การทำ SEO ในยุคดิจิทัลเป็นเรื่องที่จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับธุรกิจทุกรูปแบบ เพื่อให้สามารถแย่งชิงพื้นที่ในตลาดออนไลน์ที่มีการแข่งขันสูงได้.
nConnect เป็นหนึ่งในเอเจนซี่รับทำ SEO ครบวงจรที่เน้นการใช้กลยุทธ์ที่หลากหลายเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในการจัดอันดับบน Google Search Engine กลยุทธ์ของ nConnect รวมถึงการวิจัยและเลือกคำหลัก (Keyword Research) อย่างละเอียดเพื่อให้สอดคล้องกับเนื้อหาประเภทต่างๆ ในเว็บไซต์ ด้วยการทำ SEO อย่างเป็นระบบ ณConnect มุ่งเน้นไปที่การสร้างเนื้อหาที่ตอบโจทย์ Google E-E-A-T และตรวจสอบและปรับปรุง Google Business Profile, Google Search Console, และ Google Analytics อย่างสม่ำเสมอเพื่อให้สามารถวัดผลและปรับกลยุทธ์ SEO ให้เหมาะสมต่อไป
On-page SEO เป็นส่วนที่ nConnect ให้ความสำคัญเป็นพิเศษ เพราะมันครอบคลุมถึงการปรับแต่งเนื้อหาภายในเว็บไซต์เพื่อให้เหมาะสมกับคำหลักที่เป้าหมายและโครงสร้างที่ Google Bot สามารถอ่านได้ง่าย กลยุทธ์นี้รวมไปถึงการใช้แท็กหัวข้อ (H1, H2, ฯลฯ) อย่างเหมาะสม, การใส่ Meta Tags และ Meta Descriptions ที่ชัดเจน, และการปรับใช้ภาพและสื่อที่เกี่ยวข้องเพื่อให้เนื้อหาน่าสนใจและเกี่ยวข้องมากยิ่งขึ้น
สำหรับ Off-page SEO, nConnect ใช้กลยุทธ์เช่นการสร้างลิงค์จากเว็บไซต์อื่นๆ (Link Building) ที่มีความน่าเชื่อถือสูงเพื่อช่วยปรับปรุงความเข้าใจของ Google ว่าเว็บไซต์เป็นที่รู้จักและได้รับความนิยม นอกจากนี้ยังรวมถึงการทำ Social Media Marketing เพื่อเพิ่มความมองเห็นในช่องทางต่างๆ และการพัฒนา Content Marketing ที่เน้นทั้งคุณภาพและการแบ่งปันเนื้อหาที่มีประโยชน์
Technical SEO คือการทำให้เว็บไซต์ทำงานได้ดีที่สุด ซึ่ง nConnect ตรวจสอบและปรับปรุงสิ่งต่างๆ เช่นการโหลดหน้าเว็บได้รวดเร็ว, การทำให้เว็บไซต์แสดงผลได้ดีบนมือถือ, และการมีโครงสร้าง URL ที่สมเหตุสมผล นอกจากนี้ nConnect ยังมีการทำงานเพื่อปรับปรุง Schema Markup และการเชื่อมต่อกับ Looker Studio เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์และปรับปรุง SEO ตามข้อสังเกตเหล่านั้นได้.
การปรับโครงสร้างเว็บไซต์เพื่อให้เหมาะสมคือกระบวนการที่สำคัญในการทำ SEO (Search Engine Optimization) ซึ่งเป้าหมายคือเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของเว็บไซต์ในการถูกค้นพบบน Google Search และ Search Engine อื่นๆ โครงสร้างของเว็บไซต์ที่ดีควรเป็นไปตามหลัก White Hat SEO และอำนวยความสะดวกให้กับ Google Bot ในการเข้าถึงเนื้อหาได้อย่างง่ายดาย ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสในการปรากฏใน Google Search ด้วยบริการตรวจสอบคุณภาพ SEO ที่ครอบคลุมทุกปัญหาเกี่ยวกับการทำ SEO ครบวงจร รวมถึงการเชื่อมต่อกับ Google Search Console และ Google Analytics เพื่อติดตามประสิทธิภาพและปรับปรุงได้อย่างต่อเนื่อง
สิ่งที่ต้องพิจารณาสำหรับโครงสร้างเว็บไซต์ที่เหมาะสม:
โครงสร้างเว็บไซต์ที่เหมาะสมจะช่วยในการเพิ่มการมองเห็นบน Search Engine และเพิ่มประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้ใช้งานเว็บไซต์.
ก่อนที่จะเริ่มใช้บริการ SEO หรือ Search Engine Optimization มีขั้นตอนและการเตรียมตัวที่ควรดำเนินการเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด การวางแผนอย่างละเอียดและการมีความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับธุรกิจของคุณเองและวัตถุประสงค์ของ SEO จะช่วยให้คุณและ SEO Agency ทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เริ่มต้นด้วยการวิเคราะห์ธุรกิจของคุณในด้านต่างๆ เช่น กลุ่มเป้าหมาย, สินค้าหรือบริการที่โดดเด่น, และความแข็งแกร่งหรือจุดอ่อนที่มีอยู่ของคุณ คุณต้องเข้าใจถึงจุดยืนและจุดดึงดูดของแบรนด์ในตลาด ซึ่งจะช่วยให้สามารถกำหนด Keyword Research และเนื้อหาที่เข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ตรงจุดมากขึ้น
การมีเป้าหมายที่ชัดเจนเป็นสิ่งจำเป็นในทุกๆ แคมเปญ SEO ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มจำนวนผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์, การปรับปรุงอันดับการค้นหา, หรือการเพิ่ม Conversion Rate การตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนจะช่วยให้คุณสามารถวัดผลลัพธ์และปรับเปลี่ยนแผนการทำ SEO ในอนาคตได้
การตระเตรียมตัวก่อนการใช้บริการ SEO ไม่เพียงแต่จะสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่งให้กับแคมเปญของคุณเท่านั้น แต่ยังช่วยประหยัดเวลาและทรัพยากรในระยะยาว เมื่อทั้งคุณและผู้เชี่ยวชาญด้าน SEO มีความเข้าใจที่ตรงกันและทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ
การตรวจสอบผลลัพธ์ของการรับทำ SEO เป็นกระบวนการที่สำคัญเพื่อประเมินประสิทธิภาพของแคมเปญ Search Engine Optimization ที่ได้ดำเนินการไปแล้ว วิธีการตรวจสอบสามารถทำได้หลายวิธีดังต่อไปนี้:
การตรวจสอบผลลัพธ์ที่ดีควรเป็นวิธีที่รอบคอบและครอบคลุมทุกระดับ ของเว็บไซต์ ตั้งแต่มุมมองเทคนิคไปจนถึงการมีส่วนร่วมของผู้ใช้ เพื่อให้สามารถทำการประเมินผลลัพธ์ของการทำ SEO ได้อย่างมีประสิทธิภาพและทำให้เว็บไซต์มีตำแหน่งที่ดีใน Search Engine อย่างยั่งยืน.
บทสรุป: การทำ SEO เป็นเครื่องมือเสริมสร้างโอกาสทางธุรกิจ
การทำ SEO (Search Engine Optimization) เป็นกระบวนการที่ช่วยเพิ่มความมองเห็นของเว็บไซต์ใน Google Search และ Search Engine อื่นๆ โดยมีเป้าหมายเพื่อดึงดูดการเข้าชมเว็บไซต์และเพิ่มโอกาสในการแปลงผู้ชมเป็นลูกค้า รับทำ SEO จึงเป็นบริการที่หลายเอเจนซี่และ SEO Specialist มีบทบาทคอยปรับแต่งเว็บไซต์ให้สอดคล้องกับ Algorithm ของ Google ผ่านการทำ Keyword Research, SEO Content ที่มีคุณภาพ และใช้กลยุทธ์ White Hat ที่เป็นที่ยอมรับ
ปัจจุบัน SEO ครบวงจรไม่ได้จำกัดอยู่ที่การแก้ไขในหน้าเว็บ (On-Page SEO) เท่านั้น แต่ยังรวมถึงการสร้างลิงก์จากภายนอก (Off-Page SEO), การปรับใช้ Google Analytic และ Google Search Console เพื่อติดตามผลลัพธ์ รวมถึงการขับเคลื่อนผ่าน Social Media Marketing และ Google Ads เพื่อเพิ่มการเข้าถึงที่แท้จริง
ตารางด้านล่างแสดงถึงบริการ SEO หลักที่ช่วยในการเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ:
บริการ | คำอธิบาย |
---|---|
Keyword Research | ค้นหาคำหลักที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ |
SEO Content | สร้างเนื้อหาที่เหมาะสมกับคำหลักและมีประโยชน์สูง |
On-Page SEO | ปรับเว็บเพจให้เข้ากับมาตรฐานของ Search Engine |
Off-Page SEO | สร้างลิงก์จากภายนอกเพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ |
Google Ads | การโฆษณาตามคำหลักเพื่อเพิ่มการเข้าชมทางตรง |
Analytics & Reporting | การวิเคราะห์ข้อมูลผลลัพธ์และการรายงาน |
สรุปได้ว่า การทำ SEO สามารถเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะต่อยอดและผลักดันการเติบโตของธุรกิจในยุคดิจิทัลได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน。
บริษัท เอ็นคอนเน็ค ดอทเอเชีย จำกัด เรามีประสบการณ์กว่า 15 ปีด้าน E-Commerce และ Internet Marketing
ที่ตอบโจทย์การสร้างเว็บไซต์
ไปพร้อมๆกับสร้างการ Ecosystem
ให้ธุรกิจเติบโตและมีประสิทธิภาพอย่างยั่งยืน